ชายผู้นี้ถูกมองว่าเป็นผู้นอกรีตและถูกตัดสินประหารชีวิตโดยไม่ปรากฏตัวและได้รับรางวัลสำหรับศีรษะของเขา Salman Rushdie เข้าสู่ประวัติศาสตร์ของวรรณกรรมโลกในฐานะผู้เขียนเรียงความที่น่าอับอายที่นำไปสู่รากฐานของศาสนาอิสลาม ในความเป็นจริงเขาเป็นนักปรัชญาที่ในรูปแบบของคำอุปมาอุปมัยที่สดใสพยายามที่จะถ่ายทอดให้ผู้อ่านความคิดของเขาเกี่ยวกับโลก
Salman Rushdie: ข้อเท็จจริงจากชีวประวัติ
อาห์เหม็ดซัลมานรัชดีมีชื่อเสียงในฐานะผู้ประพันธ์งานประพันธ์นักวิจารณ์วรรณกรรมและนักประชาสัมพันธ์ เขาเกิดที่เมืองบอมเบย์ของอินเดียเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2490 การศึกษาเริ่มได้รับในโรงเรียนเอกชน เมื่ออายุได้ 14 ปีพ่อแม่ของเขาส่งเขาไปอังกฤษซึ่งเขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนรักบี้ที่มีชื่อเสียง
พ่อของฉันยืนยันว่าหลังเลิกเรียน Salman ลงทะเบียนที่ King's College, Cambridge ที่นี่นักเขียนในอนาคตได้ศึกษาวรรณคดีอังกฤษและวิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์
จากนั้นสำหรับตระกูล Rushdie เวลานั้นมาถึงการทดลอง ในช่วงความขัดแย้งระหว่างปากีสถานและอินเดียชาวมุสลิมจำนวนมากถูกบังคับให้ย้ายไปอยู่ที่ปากีสถาน ครอบครัวของซัลมานย้ายไปการาจี
Rushdy ได้กลับไปหาครอบครัวของเขา สถานที่แรกที่เขาทำงานคือโทรทัศน์ หลังจากนั้นเขากลับไปที่สหราชอาณาจักรซึ่งเขาทำงานเป็นนักเขียนคำโฆษณาที่ บริษัท โฆษณาในเขตปริมณฑล ในปี 1964 รัชดีกลายเป็นพลเมืองอังกฤษ
รัชดีมองหาครอบครัวที่มีความสุขมานานแล้ว เขาแต่งงานมาแล้วสี่ครั้ง ภรรยาคนแรกของซาลมาน Clarissa Luard เป็นตัวแทนวรรณกรรม ในการแต่งงานครั้งนี้ซาลมานมีบุตรชายซาฟาร์ ภรรยาคนที่สองเป็นนักเขียนจากประเทศสหรัฐอเมริกา Marianne Wiggins รัชดีเข้าสู่การแต่งงานครั้งที่สามกับ Elizabeth Weiss สำนักพิมพ์ชาวอังกฤษ เธอให้กำเนิดซัลมานบุตรชายคนหนึ่งซึ่งได้รับชื่อมิลาน การแต่งงานครั้งที่สี่ของรัชดีแต่งงานกับ Padme Lakshmi
เส้นทางแห่งความคิดสร้างสรรค์ของ Salman Rushdie
Salman เริ่มอาชีพของเขาในวรรณคดีโดยการตีพิมพ์นวนิยาย Grimus (1975) หนังสือเล่มนี้เขียนในรูปแบบที่มีพรมแดนติดกับนิยายวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตามนวนิยายเรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จและไม่ประทับใจนักวิจารณ์ แต่งานต่อไปของ Rushdie Children of the Midnight (1981) ทำให้ Salman เป็นหนึ่งในนักเขียนที่ได้รับการอ่านมากที่สุด นวนิยายเรื่องนี้ยังถือว่าเป็นงานที่ดีที่สุดของเขา
อีกสองปีต่อมารัชดีได้สร้างนวนิยายเรื่อง“ Shame” ซึ่งเขาได้วิจารณ์ระบบการเมืองของปากีสถานอย่างเย้ยหยัน หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นในรูปแบบของสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่าเวทย์มนตร์